บทละครเวที กิจกรรม “วันสดุดีกวีแก้ว” โรงเรียนนวลนรดิศวิทยาคม
รัชมังคลาภิเษก
เรื่อง พระอภัยมณี ตอน กำเนิดสุดสาคร
วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม 2559
กล่าวถึงเหตุการณ์ในเกาะแก้วพิสดาร
เมื่อพระอภัยมณีเดินทางออกจากเกาะไปกับเรือท้าวอิลราชได้ไม่นาน นางเงือกซึ่งกำลังตั้งครรภ์โดยมีพระฤาษีคอยดูแล ก็ได้ให้กำเนิดบุตรชาย
หน้าตาละม้ายคล้ายพระบิดาไม่มีผิดเพี้ยน และเนื่องจากกุมารน้อยมีเชื้อสายนางเงือกน้ำ
ซึ่งมีกำลังเหนือมนุษย์ จึงมีพละกำลังมหาศาล เมื่อคลอดออกมาก็สามารถคลานได้ในทันที
ฉากที่ 1 เปิดตัว
***เสียงทารกร้อง-------อุแว้ๆๆๆๆ------- สุดสาคร คลานออกมา
นางเงือกวิ่งตามและ พบกับฤาษี ***
ฤาษี : วะ..ไอ้เด็กคนนี้ น่ารักน่าชังเสียจริง
ร้องเสียงดังซะด้วย
นางเงือก: ลูกชาย จ๊ะ
ตา คลอดเมื่อวานซืน คลอดเสร็จ ก็คลานออกไปนอกบ้าน ลอยทะเลเล่นกับอยู่กับปลาพยูน
หลาน
ตามไปพบเข้าเลยพากลับบ้าน
นี่ก็ว่าจะพามาให้ท่านตาตั้งชื่อให้และฝากตัวให้ตาช่วยเลี้ยงดูล่ะจ่ะ
ฤาษี : เอ่อๆ ลักษณะท่าทางดีนะ มีราศี ต่อไปจะเป็นใหญ่เป็นโต แน่นอน ข้าจะตั้งชื่อว่า สุดสาคร แล้วกันนะ
บรรยาย ***เหตุที่นางเงือกไม่สามารถ เลี้ยงดูสุดสาคร บนบกได้
เนื่องจากตนเองเป็นเงือก จึงได้ฝากฝังสุดสาครไว้กับพระฤาษี ฝ่ายสุดสาคร
อยู่ร่ำเรียนวิชา กับพระฤาษี ได้จนเติบโตขึ้น ทุกวัน มีวิชาอาคม เก่งกล้า
วันหนึ่งได้ท่องเทียวนอกเกาะแก้วพิสดาร พบม้าลักษณะพิเศษ จึงอยากได้มาครอบครอง
ฉากที่ 2 ท่องเที่ยว
****สุดสาคร เดินเข้าฉากมา เล่นเรื่องเปื่อยอย่างมีความสุข----
ถึงกลางเวที หยุดสายตา มองไปที่ม้านิลมังกร****
****สุดสาคร อ้อมไปทางข้างหลังม้านิลมังกร และจับ
ม้านิลมังกรขัดขืน...ฉุดกระชากไปมา ไปรอบๆเวที จากนั้น ม้านิลมังกรหนีไป****
****สุดสาคร ออกอาการเสียดายเป็นอย่างมาก และเดินออกจากฉากไป
ฉากที่ 3 เกาะแก้วพิสดาร
(ฤาษี นั่งอยู่กลางเวที)
****สุดสาคร เดินเข้าฉากมา****
ฤาษี :
ไปเล่นซนที่ไหนมา เจ้าเด็กน้อย เนื้อตัวมอมแมม เปียกปอนไปหมดเลย
ดูสิ
สุดสาคร : หลานไปที่เกาะใกล้ๆนี้ละจ่ะ ตาจ๋า พอดีหลานไปพบ ม้าประหลาดตัวหนึ่งเข้า
รูปร่างหน้าตาพิสดารมาก มีหนวด มีเกร็ด หางยาว กำลังวังชามันมากมายนัก
หลายอยากได้มาเลี้ยงไว้ แต่มันหนีไปได้จ่ะ
ฤาษี : อืม... เห็นทีจะเป็นม้านิลมังกร ม้าที่เจ้าเห็น มีเขียวเป็นเพชร
เกร็ดเป็นนิล และลิ้นเป็นปาน
มันเป็นลูกผสม
ระหว่างมังกรและม้า ทำให้รูปร่างประหลาด และมีกำลังมาก
สุดสาคร : หลานอยากได้ม้านิลมังกรมาเลี้ยง เป็นเพื่อนจังเลยตาจ๋า
ฤาษี : ม้าตัวนี้มีฤทธิ์มาก ใช้กำลังจับอย่างเดียวไม่เป็นผล เจ้าต้องใช้อาคม
จับจึงสำเร็จ เด็กน้อย...
สุดสาคร : ท่านตาช่วยหลานจับม้านิลมังกรนะจ๊ะ ท่านตา..
ฤาษี : เอ้า ก็ได้ ตาจะช่วยเจ้า....(ฤาษี หยิบเชือกมา 1 เส้น บริกรรมคาถา
และส่งเชือกไปให้สุดสาคร)
เจ้าจงกลับไป
แล้วใช้เชือกเส้นนี้คล้องที่คอม้าตัวนั้น จากนั้นจะสามารถขี่หลังมันได้
และจับมาให้ตาที่นี่นะ
สุดสาคร : จ่ะตา..(รับเชือกจากฤาษี) จากนั้นเดินออกจากฉากไป
ฉากที่ 4 ล้อมจับม้านิลมังกร
****ม้านิลมังกร เดินอยู่กลางเวที สุดสาคร
ย่องเข้ามาจากทางด้านหลัง**** (เอาเชือกคล้องคอ และจับม้านิลมังกร)
สุดสาคร : ได้ตัวแล้ว ไปกับข้าซะดีๆ เจ้าม้านิลมังกร
***สุดสาคร พาม้านิลมังกร ไปหาฤาษี****
ฉากที่ 5 ดูตัวม้านิลมังกร
สุดสาคร : ตาจ๋า ตาจ๋า หลานได้ม้านิลมังกรมาแล้ว จ้า...นี่ไงจ๊ะ
(จูงม้านิลมังกรมาให้ฤาษี)
ฤาษี : (พิจารณาดูม้านิลมังกรอย่างละเอียด..หยิบแว่นขยายมาส่องดู) อื่ม
เป็นมาที่ลักษณะดี
ใครได้ครอบครองจะช่วยปกป้องคุมครองและส่งเสริมให้คนผู้นั้นเป็นผู้มีวาสนา
หลานจงเลี้ยงดูม้าตัวนี้ให้ดีนะ
สุดสาคร : จ่ะ ตา
บรรยาย****สุดสาคร ดีใจมากที่ได้ม้านิลมังกร มาเป็นของตนเอง
ทุกวันสุดสาครจะดูแลม้านิลมังกรเป็นอย่างดี คอยพาไปกินอาหารในทะเล และเล่นด้วยกัน
เสมือนเป็นเพื่อนกัน ทั้งสองแม้จะต่างเผ่าพันธุ์กันแต่ก็
รักใคร่กันเสมือนเพื่อนที่รู้จักกันมานาน****
****วันหนึ่ง พระฤาษีเห็นว่า สุดสาคร เติบโตขึ้นสามารถดูแลตัวเองได้
อีกทั้งยังได้เรียนอาคมกับพระฤาษีจนหมดสิ้นแล้ว จึงตัดสินใจ บอกสุดสาคร
เรื่องพระอภัยมณี บิดาที่จากสุดสาครไปตั้งแต่ยังเล็ก...****
ฉากที่ 6 เล่าเรื่องพระอภัยมณี
ฤาษีนั่งบนตั่ง นางเงือก
อยู่มุมฉาก สุดสาครและม้านิลมังกรเดินเข้ามาหา
สุดสาคร : (จูงม้านิลมังกรเข้ามา) ท่านตาเรียกหลานมาพบ มีเรื่องอะไรจ๊ะ
ฤาษี : เด็กน้อยเอ๋ย.. เจ้าก็อยู่กับตามาหลายปี วิชาอาคมก็เรียนไปจนสิ้นแล้ว
บันนี้ก็เติบใหญ่ขึ้นมาก ตาคิดว่าถึงเวลาที่เจ้าต้องรู้ความจริงเรื่องบิดาของเจ้าเสียที
สุดสาคร :
ตารู้จักพ่อของฉันรึจ๊ะ..ท่านเป็นใคร มาจากไหนจ๊ะตา (ถามด้วยความอยากรู้ซูดๆ)
ฤาษี : บิดาของเจ้านั้น ชื่อว่าพระอภัยมณี เจ้ายังมีพี่ชายอีกคนชื่อสินสมุทร
เป็นลูกครึ่งคนกับยักษ์
สุดสาคร : โห.... ตา ฉันมีพี่ชาย เป็นลูกครึ่งด้วย หน้าตาคงหล่อเหลาไม่น้อยนะ
ฤาษี : แต่ว่าบัดนี้ พ่อและพี่ชายของเจ้า ออกเดินทางจากเกาะแห่งนี้ไปหลายปี
ตาก็ไม่ได้ข่าวคราวของทั้งคู่อีกเลย
เจ้าจงออกเดินทางไปตามหาคนทั้งสอง
เพื่อจะได้กลับมารับแม่เงือกของเจ้า อยู่กันเป็นครอบครัวต่อไปนะ
สุดสาคร : ดีจ๊ะตา...ฉันอยากมีครอบครับ ได้อยู่กันพร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก
แถมมีพี่ชายด้วย งั้นฉันขอลาตานะจ๊ะ ขอบคุณ
ตามากที่คอยดูแลหลานคนนี้ตลอดมา
อบรมสั่งสอน ให้ความรู้แก่หลาน หลานจะไม่ลืมพระคุณของตาตลอดไป
เมื่อพบพ่อ
และพี่ชายแล้วฉันจะกลับมาหาตานะจ๊ะ...(ก้มลงกราบเท้า ฤาษี)
ฤาษี : (ประคองสุดสาครขึ้นมา) ข้าขอมอบไม้เท้าวิเศษให้เจ้าไว้ป้องกันตัว เจ้าจงมุ่งหน้าขึ้นเหนือ
ตามหาชายที่มี
ปี่วิเศษ นามพระอภัยมณี กับเด็กครึ่งคน ครึ่งยักษ์ ชื่อสุดสาคร
ตาบอกเจ้าได้แต่เพียงเท่านี้ล่ะเด็กน้อย
สุดสาคร: (สวมกอดฤาษี) งั้นหลานลานะจ๊ะตา รักษาตัวด้วย (จากนั้นสุดสาครจูงม้านิลมังกรเดินออกมาพบนางเงือก)
แม่จ๋าลูกจะไปพบพ่อกับพี่สินสมุทร
นะจ๊ะ ท่านตาเล่าความจริงให้ลูกฟังหมดแล้ว ไว้พบพ่อลูกจะพาพ่อกลับ
มาหานะเราจะได้อยู่ด้วยกัน
นางเงือก: ลูกแม่ เจ้ามิต้องห่วงอาลัยในทางนี้
พ่อเจ้าเป็นเจ้าเมือง หากเจ้าพบเสด็จพ่อ จงอยู่ช่วยเสด็จพ่อดูแลปกครอง
บ้านเมือง
ไม่ต้องกลับมาหาแม่ สำหรับแม่ขอแค่เจ้าอยู่ดีมีความสุขก็พอ
แม่ขออยู่รับใช้ท่านตาอยู่ที่เกาะแห่งนี้
****สุดสาคร กราบลา
นางเงือกและออกเดินทาง****
ฉากที่ 7 ผจญภูตผี
บรรยาย : สุดสาครและม้านิลมังกร
เดินทางขึ้นเหนือตามคำที่พระฤาษีบอก ระหว่างทางพบเจอกับภูตผีหิวโหยที่
อาศัย
ดื่มกินเลือดผู้ที่เดินทางผ่านไปมา ***สุดสาคร
กับม้านิลมังกร เดินเข้าฉาก พบกับผี และต่อสู้กัน***
การต่อสู้ระหว่างสุดสาครและภูตผี
กินเวลา 7 วัน 7 คืน จนสุดสาครและม้านิลมังกรเริ่มออกแรง
***สุดสาครล้มลง
ม้านิลมังกรผลักผีที่จะมาทำร้ายและดึงตัวสุดสาคร ไปที่มุมฉาก***
บรรยาย :
ทันใดนั้น พระฤาษีที่คอยติดตามความเคลื่อนไหวของสุดสาครก็ปรากฏตัว
เข้าช่วยเหลือสุดสาคร ****ฤาษีเข้ามาช่วยไล่ปีศาจ****
ฤาษี : (พอไล่ปีศาจเสร็จก็หันมาพูดกับสุดสาคร) เด็กน้อยเจ้าบ่ายหน้ามาผิดทิศแล้ว จงรีบออกไปจากที่นี่
บริเวณนี้มี
แต่ปีศาจ ไปได้แล้ว
เจ้าม้า พาตัวไปเร็ว
ม้านิลมังกร: ฉุดสุดสาครเดินทางต่อไป.......
บรรยาย หลังจากที่รอดพ้นจากปีศาจมา
สุดสาครก็ออกเดินทางต่อไปเป็นเวลาหลายวันจนถึงเมือง
ฉากที่ 8 เปิดตัวชีเปลือย
สุดสาคร: (เดินจูงม้าไปรอบๆ) เหนื่อยไหมเพื่อนยาก
ข้าว่าเรามาไกลแล้วพักสักหน่อยดีไหม
ม้านิลมังกร: พยักหน้าเห็นด้วย
สุดสาคร : (นั่งลง)
ดื่มน้ำ เอาน้ำให้ม้า (ฉีดฟอกกี้...)
ชีเปลือย : เข้าฉากมา (แอบด้อมๆมองๆ สุดสาครและรำพึงว่า) เด็กน้อยนี้เป็นใคร
เดินทางมากลางป่าเพียงคนเดียว
เจ้าม้าตัวนั้นก็น่าสนใจไม่น้อยลักษณะท่าทางเป็นม้าดี...ไม้เท้านั่น
ก็น่าสนใจไม่น้อย ดีะ ข้าจะชิงม้าตัวนั้นมาเป็น
ของข้า คอยดู...
***บรรยาย..ว่าแล้วชีเปลีอยก็ทำทีเป็นตีสนิทกับสุดสาคร
หวังขโมยม้านิลมังกรและไม้เท้าวิเศษให้ได้***
ชีเปลือย:
สวัสดีเจ้าหนู..ทำไมมาอยู่ที่คนเดียวล่ะ..แล้วพ่อแม่เจ้าไปไหนซะล่ะ
สุดสาคร : น้าเป็นใคร...ฉันไม่รู้จัก อยู่ดีๆก็เข้ามาทัก
แม่สอนฉันว่าไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า
ยิ่งคนหน้าแปลกแบบน้าด้วย..หืม..ฉันไม่บอกหรอกว่า
ชื่อสุดสาคร..เฮ้ย...(เอามือปิดปาก)
ชีเปลือย : ยิ้มเยาะ..ชื่อสุดสาครเหรอเจ้าหนู
แล้มมาทำอะไรที่นี่หละ
สุดสาคร : หลอกถามชื่อฉันไปแล้ว
จะอยากรู้ว่ามาทำไมอีกหรือน้า...ก็บอกแล้วว่า แม่บอกไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า
แล้วฉันจะบอกน้าได้ยังไงว่า จะไปตามหาพระบิดา...(เอามือปิดปาก)
ชีเปลือย: บิดาเจ้านั้นเราเห็นอยู่นะ เพิ่งออกจากชายป่าด้านนู้น....(ชี้มือไป)เมื่อวันก่อนเอง...
สุดสาคร : ดีใจ...จริงหรือจ๊ะน้า น้าพาฉันไปหาพระบิดาได้ไหมจ๊ะ
ชีเปลือย : ไหนบอกไม่คุยกับคนแปลกหน้างะ....
สุดสาคร : ก็น้ารู้จักชื่อฉันแล้ว รู้แล้วว่าฉันไปไหน
มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงแล้ว เราก็ไม่แปลกหน้ากันแล้วไงจ๊ะ
ชีเปลือย : ยังงั้นรึ..ได้ๆ เดี๋ยวข้าจะพาไป
****ชีเปลือยพาสุดสาคร เดินไปอีกฝั่งของฉาก****
ฉากที่ 9 ผาหลอกลวง
ชีเปลือย : เดินเข้าฉากมา....สุดสาครจูงม้านิลมังกร เดินตามมา...
(ทำท่าค้นหา มุดนู่น นี่ นั่น สุดสาคร กับม้า มุดตาม)
เอ..ข้าว่าอยู่แถวนี้นะ...(ก้ม
เงย มุด คลาน)
สุดสาคร : เอาให้แน่นะน้านะ ฉันตามน้ามาหลายชั่วโมงแล้วนะ
ชักเมื่อยแล้ว หิวก็หิว
ชีเปลือย : อ๋อ....นึกได้แล้ว ตรงนั้นไง
ข้าพบบิดาเจ้าตรงนั่น....(ชี้ไปที่ขอบเวที)
สุดสาคร : ไหนๆน้า เดินตามที่ชีเปลือยชี้ไป
ชีเปลือย : นั่นไงๆ นั่นน่า
สุดสาคร : ไหนเล่าน้า ..(ขยับไปเรื่องๆ จนถึงขอบหน้าเวที)
บรรยาย**** ชี้เปลือยลวงสุดสาคร ไปที่หน้าผา
เห็นสบโอกาสก็ออกแรงผลักสุดสาครเต็มกำลัง จนสุดสาคร ตกลงไปในเหวลึก****
ชีเปลือย : 555 เสร็จข้าล่ะเจ้าหนู หลอกง่าย หลอกดายแท้
ไปที่ชอบที่ชอบ นะเจ้าหนู ข้าจะทำบุญไปไห้ 555
(หันมาหาม้านิลมังกร...ส่วนเจ้า ไปกับข้า ดึงเชือกที่ผูกม้านิลมังกร
ม้านิลมังกรพยายามขัดขืน แต่ก็ถูกลากไป)
บรรยาย****หลังจากชีเปลือยชิงไม้เท้าวิเศษและม้านิลมังกร
ของสุดสาครมาเป็นของตนเองแล้ว ก็ออกเดินทาง ม้านิลมังกร มีความเป็นห่วงสุดสาคร
อย่างยิ่งแต่เพราะกลัวอำนาจไม้เท้าวิเศษ จึงต้องจำใจไปกับชีเปลือย
ทั้งคู่เดินทางไปถึงเมืองการะเวก
ฉากที่ 10 เมืองการะเวก
ชีเปลือย : เมืองนี้สวยงาม น่าอยู่มาก ชาวบ้านก็ดูมีฐานะมั่งคั่งกันทุกคน ข้าว่า
ข้าจะอยู่เมืองนี้ เที่ยวเล่น หาทรัพย์สิน เงินทองไว้ใช้สอยสักพักดีกว่า
ชาวบ้านหลายคน : (จับกลุ่มนินทาชีเปลือย) นักบวชรูปนี้ ผมเผ้ารุงรัง/ นั่นสิเธอ
มาจากไหนก็ไม่รู้ ฉันว่าอย่าห่างไว้ดีกว่านะ /ม้านั้นก็ดูประหลาดมากนะ
กัดรึเปล่าก็ไม่รู้/มีเกร็ดด้วย อึ๋ย..ขยะแขยง/ฉันว่าดูเท่ดีออก...ฯลฯ
ชาวบ้านในกลุ่มเดินออกมาซักถามชีเปลือย
: น้อมสักการะท่านนักบวชเจ้าค่ะ...อีฉันชื่อ วาวา
บ้านอยู่ใกล้ๆนี้ พบเห็นผู้คนผ่านไปมามากมาย แต่อีฉันไม่เคยพบเห็นท่าน
อยากถามว่าท่านเป็นนักบวชจากที่ใด ทำไมผ้าผ่อนไม่นุ่ง หนวดเครารุงรังจังเจ้าคะ
ชีเปลือย : ข้าเป็นนักบวชเคร่งในศีล วันก่อนนั่งทางในเห็นว่า นครการะเวก
นี้กำลังมีเกิดโครระบาดในไม่ช้านี้ ชาวบ้านต้องเจ็บป่วย และล้มตายทุกคนไม่เว้น
แม่แต่ เด็ก คนชรา รึว่า พวกกษัตริย์
ชาวบ้าน : ว้าย....จริงหรือคะท่านนักบวช (เดินไปหากลุ่มชาวบ้าน....ท่านนักบวชบอกว่า
นครการะเวกจะพบโรคระบาดตายกันหมดเลย)
ชาวบ้านในกลุ่มเดิน : หาจริงหรือ...แย่แน่เลย....ฉันยังไม่อยากตาย...ส่วนฉันยังไม่มีสามีเลย
ต้องตายด้วยเหรอ...แหมเธอ โรคระบาด ไม่แบ่งหรอกนะ ถึงมีสามีแล้ว ก็ต้องตาย.....(ทุกคน
เอามือกุมศีรษะ....หา
แย่แน่ๆเลย....วิ่งกระจายไปคนละทางพร้อมตะโกนว่า....แย่แล้วๆๆๆๆๆ)
บรรยาย****ไม่นานนักข่าวก็แพร่กระจายออกไป
พระสุริโยทัย เจ้าเมืองการะเวกจึงได้เรียกชี้เปลือยไปเข้าเฝ้า****
นายทหาร
: พระสุริโยทัย เจ้าเมืองการะเวก
มีรับสั่งให้นักบวชนามชีเปลือยไปเข้าเฝ้า...
ชีเปลือย
: เข้าเฝ้า...(ดีใจ ปล่อยเชือกที่ดึงม้านิลมังกรไว้)
..(ทันใดนั้นม้านิลมังกรสบโอกาส คว้าไม้เท้าวิเศษจากมีอชีเปลือย และวิ่งหนีไป)
เอ้า..เฮ้ยๆๆ เจ้าม้า มานี่ก่อน (ชีเปลือยตามจับแต่ไม่ทันเสียแล้ว ม้าเข้าฉากไป)
ชีเปลือย : โถ่..ม้าของข้า......(นั่งลง เสียดาย)
นายทหาร : ไปเถิดท่านนักบวช...กษัตริย์ของเรารอท่านอยู่
(ผายมือเชิญชีเปลือย...และพาตัวไปอีกทาง)
บรรยาย
****ม้านิลมังกร เมื่อหนีจากการควบคุมของชีเปลือยแล้ว
ก็คิดหาทางช่วยสุดสาคร จึงหาพระฤาษี****
ฉากที่11 กลับเกาะพิสดาร
พระฤาษี : (นั่งอยู่..) เอ้านั่นเจ้าม้านิลมังกรของสุดสาครนี่นา....เกิดอะไรขึ้นกับหลานข้า
หะ เจ้าม้า
ม้านิลมังกร : (ยื่นสายเชือกคล้องคอให้พระฤาษี
ฤาษีจับสายเดินตามม้านิลมังกรเข้าหลังฉากไปอย่างรวดเร็ว...)
ฉากที่ 12 เหวลึก
ผาหลอกลวง
(สุดสาคร
นั่งกอดเข่าอยู่ก้นเหว ม้านิลมังกรกับพระฤาษีวิ่งออกมาปากเหวซึ่งก็คือขอบเวที)
ม้านิลมังกร : (เขี่ยเศษดิน ปากหน้าผาลงไปในเหว)
สุดสาคร : เศษดิน มีใครบนปากหน้าผา...ม้านิลมังกร
นั่นเจ้าใช่ไหม?? ม้านิลมังกร
พระฤาษี : เด็กน้อย เจ้าอยู่ข้างล่างใช่ไหม??ไม่ต้องกลัวนะ
เดี๋ยวตาจะไปช่วยเจ้าเอง
(พระฤาษีลงไปช่วยสุดสาคร) ผู้บรรยายอ่านกลอน
บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา
เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปจนบนบรรพต
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวจนเลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
อันมนุษย์นี้ที่รักสองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา
แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
ฤาษี : (เดินออกมากลาง สอนนักเรียนที่ชมอยู่) จำไว้นะเด็กน้อยทั้งหลาย
จงอย่าไว้ใจทางอย่าวางใจมนุษย์ จิตใจคนยากแท้หยั่งถึง เพื่อนก็เช่นกัน
เพื่อนที่ดีต้องหวังดี ต่อเพื่อน ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ช่วยกันเรียน
ช่วยกันทำสิ่งที่ดี อย่าพาเพื่อนไปสู่สิ่งชั่วร้ายนะทุกๆคน
(ฤาษี...เดินไปหาสุดสาคร
แล้วพูดว่า) เป็นอย่างไรบ้างเด็กน้อย เจ็บตรงไหนไหม???
สุดสาคร
: ไม่เป็นไรจ๊ะตา หลานถูกผลักตกลงไปก้นเหว สลบไปหลายวัน
พอฟื้นขึ้นมาก็พบท่านตากับม้านิลมังกรจ๊ะตา
ฤาษี : ดีแล้วจากนี้ไประวังตัวเองให้มากนะ มั่งหน้าขึ้นเหนือตามที่ตาบอก
หาบิดาเจ้าให้พบ ตาช่วยเจ้าได้เท่านี้
สุดสาคร
: ขอบคุณท่านตามาก หลานจะเดินทางต่อไป และจากนี้หลานจะระวังตัวให้มากจ๊ะ
ฤาษี : ดีแล้ว..งั้นตากลับเกาะแก้วพิสดารก่อนนะ..
สุดสาคร
: จ๊ะตา หลานกราบลา
ฤาษี : ว่าแต่ ต้องขึ้นรถสายอะไรล่ะทีนี้....ขามาเจ้าม้ามันพาตามา
สุดสาคร
: ออกไปเลี้ยวซ้าย ขึ้นรถตาแดง 4 บาทจ๊ะตา ต่อเดียวถึง
ฤาษี : ขอบใจ...ไปล่ะ (ฤาษี เดินออกไป)
สุดสาคร
: หันไปหาม้านิลมังกร ขอบใจเจ้านะเพื่อนยาก
หากไม่มีเจ้าข้าคงตายไปแล้ว...(เดินมาคนเดียวหันหน้าให้คนดู)
ท่านตาบอกให้ขึ้นเหนือ ข้าจะไปตามที่ตาบอก แต่ก่อนอื่นขอคิดบัญชีกับนักบวช
ชั่วนั่นก่อน...ไปกันเถอะม้านิลมังกร...(จูงม้าไปหลังฉาก)
ฉาก
13 คิดบัญชี ที่เมืองการะเวก
****บรรยาย
ฝั่งเมืองการะเวก เมื่อชีเปลือยกรุข่าวเรื่องโรคระบาด มาปั่นป่วนชาวเมือง
พระสุริโยทัย เจ้าเมืองการะเวก สั่งให้ชีเปลือยเข้าเฝ้า เพื่อแก้ปัญหาโรคระบาด
(พระสุริโยทัย..พระมเหสี....นั่งอยู่
มีนายทหาร และชีเปลือยเข้าเฝ้า)
พระสุริโยทัย
: ท่านนักบวช จงบอกชื่อของท่านให้เรารู้จัก
ชีเปลือย
: นามของเราคือ ยูชิจิน ครั้งหนึ่งเคยเป็นทหาร แต่มันไม่เวิร์ค
เครื่องแบบเยอะ ระเบียบมาก นู่นี่นั่น...ก็เลยเลิกเป็นทหารและออกบวช
ไม่ต้องใส่เสือผ้า ไม่ต้องอยู่ในระเบียบด้วย
พระสุริโยทัย
:
ท่านยูชีจิน...เอ่อเรียกยากนะ เราขอเรียนท่านว่าชีเปลือยแล้วกันนะ
ฮึ่ม...ท่านชีเปลือย ท่านทราบได้อย่างไรว่านครการะเวกของเราจะเกิดโรคระบาด
ชีเปลือย
: เรานั่งทางนัยเมื่อวันก่อน
เห็นประชาชนทั้งเมืองรวมทั้งท่านและพระมเหสีของท่าน เป็นโรคระบาด กลายเป็นผีดิบ
ไล่ดูดกินเลยมนุษย์ และกินกันเองจนถึงแก่ความตาย
เมหสี
: คุณพระ....เสด็จพี่เพคะ
น่ากลัวจริงๆ
พระสุริโยทัย
: ไม่ต้องตกใจน้องหญิง...(หันไปหาชีเปลือย) แล้วเราจะเชื่อท่านได้อย่างไร
ท่านชีเปลือย
ชีเปลือย
: อันว่าจิ้งจกทัก ต้องหยุดฟัง คนทักต้องระวังตน
ขณะนี้ข้าถือครองเพศบรรพชิต เป็นนักบวช นิมิตเห็นเหตุการณ์ในนครของท่าน
และมาแจ้งข่าว ท่านไม่ยอมเชื่ออย่างนั้นหรือ
พระสุริโยทัย : หามิได้ท่านผู้ทรงศีล...หากเป็นเช่นนั้นจริงเราควรทำอย่างไร
ชีเปลือย
: ท่านต้องแบ่งทรัพย์สิน ของท่านรวมถึงแบ่งเมืองนี้ออกครึ่งหนึ่ง
ถวายแด่ผู้มีศีลแก่กล้า เป็นการถ่ายเคราะห์ให้แก่นครการะเวกนี้
พระสุริโยทัย : ครึ่งนึงเชียวหรือ ท่านชีเปลือย
มเหสี
: เสด็จพี่เพคะ หากเป็นจริงอย่างที่ท่านชีเปลือยกล่าว
ทรัพย์สินของเราแลกชีวิตประชาชนในเมืองนี้ เราควรทำนะเพคะ
พระสุริโยทัย
: เปล่าเลยน้องหญิง
ทรัพย์สินเท่านี้คุ้มค่ากับการแลกชีวิตกับประชาชนชองเราเป็นที่สุด....แต่
เราจะถวายผู้ทรงศีลที่ไหนเล่า
มเหสี
: หลวงพ่อปากแดง ดีไหมค่ะ เสด็จพี่ ศักดิ์สิทธิ์ดี ไม่ก็หลวงพ่อจบ
หลวงปู่หลวงก็ได้เพคะ
พระสุริโยทัย
: อืม....เลือกยากนะ
ชีเปลือย
: ท่านจะต้องตรึกตรองอะไรให้มากความ
ในเมื่อมีผู้ทรงศีล.....(ชี้มาที่ตัวเอง ทุกคนหันไปมอง)
พระสุริโยทัย : ดีมาก ทหาร นำเอกสารสัญญายกเมืองออกมา
เราจะแบ่งเมืองครึ่งหนึ่งให้ท่านชีเปลือย
ทหาร :
พะยะค่ะ...(เอกเอกสารออกมา.....อ่านเอกสารหันหน้าไปหาคนดู)...เอกสารฉบับนี้
เป็นสัญญาของพระเจ้า สุริโยทัย
เจ้าเมืองการะเวก เพื่อยกทรัพย์สินและที่ดินครึ่งหนึ่งให้แก่นักบวชชีเปลือย
(หันไปหาพระสุริโยทัย) ลงนามพะยะคะ ยื่นเอกสารให้พระสุริโยทัย (พระสุริโยทัย
รับเอกสาร หยิบปากกา เตรียมลงนาม)
บรรยาย****ทันใดนั้น
สุดสาคร กับม้านิลมังกรก็เข้ามาในท้องพระโรง****
สุดสาคร
: นักบวชชั่ว...เจ้าใช้แผนชั่วรังแกข้า
ทหาร : (ทำท่าเตรียมอาวุธ พร้อมต่อสู้)
พระสุริโยทัย : เด็กน้อย..เจ้าเข้ามาในท้องพระโรง เช่นนี้เสียมารยาท
และมีโทษสถานใดรู้หรือไม่
สุดสาคร
: ข้าไม่รู้ ข้าต้องการมาคิดบัญชีกับนักบวชชั่วรูปนี้....(โกรธ)
มเหสี : ท่านนักบวชรูปนี้ทำอะไรให้เจ้าโกรธเคืองถึงเพียงนี้...
สุดสาคร
: มันหลอกลวงข้า ผลักข้าตกเหวและชิงของวิเศษของข้าไป
พระสุริโยทัย : มีเรื่องเช่นนี้หรือนี่ ไม่น่าเชื่อ
ชีเปลือย
: เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่ อยู่ดีๆ มากล่าวหาข้า ผู้ทรงศีล
ทั้งยังใช้วาจาสามหาว อีก พระสุริโยทัย ท่านต้องจัดการให้ข้าเดี๋ยวนี้นะ
มเหสี
: เอาเถิดท่านผู้ทรงศีล เราจะตัดสินให้...ไหนเด็กน้อย ของที่ว่านั่นคืออะไร
สุดสาคร
: ก็ไม่เท้าวิเศษ กับม้านิลมังกรตัวนี้ไง
ชีเปลือย
: เจ้าต่างหากที่ขโมยของๆข้าไป
ตัวเป็นเพียงเด็กจะมีของวิเศษอย่างนี้ได้อย่างไร
ของแบบนี้ต้องอยู่ที่ผู้ทรงศีลเช่นข้าต่างหากเล่า อีกอย่าง
ชาวเมืองทุกคนเห็นว่าข้านำม้าตัวนี้เข้าเมืองมา
ทหาร : เรื่องนี้ชาวเมืองทุกคนเป็นพยานได้พะยะคะ
มเหสี
: เอาหละ งั้นขอข้าพิสูจน์ เจ้าชื่ออะไร เด็กน้อย
สุดสาคร
: ข้าชื่อสุดสาคร
มเหสี
: สุดสาคร..ปล่อยมือจากม้านั่น
และออกไปยืนข้างๆ ข้าจะให้ม้าตัวนี้เลือกเจ้าของเอง ...(เดินไปที่ม้า พูดกับม้า)
เจ้าม้า...ข้าต้องการให้เจ้าช่วย
บอกให้ข้ารู้ว่านายจริงๆของเจ้าคือใคร...หากคนไหนเป็นนายของเจ้าให้เดินไปหาคนผู้นั้น
****บรรยาย
พอพระมเหสีกล่าวจบ ม้านิลมังกรก็เดินไปหาสุดสาคร****
ชีเปลือย
: เฮ้ย..เจ้าม้า เจ้าเป็นของข้านะ ข้าเป็นเจ้าของเจ้า.....
พระสุริโยทัย
: พอได้แล้วท่านนักบวช....ม้าเป็นสัตว์ มีใจบริสุทธิ์จะไม่โกหกเด็ดขาด
ท่านต่างหาเป็นถึงนักบวชถือศีล กลับมจเท็จ..ทหาร จับตัวท่านชีเปลือย ไปขังไว้ก่อน
รอการสอบสวนโดยละเอียดอีกครั้ง อ้าวไปไหนแล้ว
บรรยาย****ชีเปลือยเห็นท่าไม่ดี
รีบหลบหนีไปก่อนจะจับกุมตัวได้**** ส่วนพระมเหสีพระสุริโยทัย
เมื่อพบเห็นสุดสาครแล้วบังเกิดความเอ็นดูรัก ใคร่จึงคิดรับเป็นบุตรบุญธรรม
มเหาสี
:
เสด็จพี่ น้องรู้สึกเอ็นดู สุดสาคร อยากรับไว้เป็นบุตรบุญธรรมของเรา
ไม่ทราบว่าเสด็จพี่คิดเห็นเช่นไรเพคะ
พระสุริโยทัย
: พี่ก็ถูกชะตาเด็กคนนี้เช่นกัน น้องหญิง เราจะรับเด็กคนนี้เป็นบุตรบุญธรรม
****บรรยาย
พระสุริโยทัย และพระมเหสีตัดสินใจรับสุดสาครเป็นบุตรบุญธรรมทั้งที่สุดสาครต้องการตามหาพระอภัยมณี
แต่ไม่สามารถขัดพระสุริโยทัยได้ จึงต้องยอมอยู่ที่เมืองการะเวกในที่สุด****
หากใครสนใจเรื่องราวของสุดสาครสามารถหาอ่านได้จากวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีได้นะ.......
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น